สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนดูแลเด็กเล็ก
ในปัจจุบันการเลี้ยงเด็กเล็กเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของสังคม ผู้ปกครองมักขาดเวลาและความรู้ที่เหมาะสม ทำให้เกิดปัญหาในด้านพัฒนาการ สุขภาพ และพฤติกรรมของเด็ก อีกทั้งการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันยังส่งผลต่อการเรียนรู้และการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของเด็กอย่างมีนัยสำคัญ
การแก้ไขปัญหาการเลี้ยงเด็กเล็กในปัจจุบันเริ่มจากการให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างเวลาทำงานและเวลาเลี้ยงดูเด็ก พร้อมทั้งเสริมความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย ผู้ปกครองควรส่งเสริมกิจกรรมที่เหมาะสม ลดการใช้เทคโนโลยีเกินความจำเป็น และให้ความสำคัญกับการสื่อสารเชิงบวก เพื่อพัฒนาทักษะทางสังคมและจิตใจของเด็กอย่างเต็มที่
การดูแลเด็กเล็กต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง?
- พัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงวัย
- โภชนาการที่เหมาะสม
- การดูแลสุขภาพพื้นฐาน
- ความปลอดภัยในบ้าน
- การสร้างตารางการกิน-นอนที่สม่ำเสมอ
- การส่งเสริมพัฒนาการเด็กทางอารมณ์และสังคม
- ทักษะการรับมือกับอารมณ์เด็กเล็ก
- การสอนเรื่องระเบียบวินัย
- เตรียมตัวสำหรับการเข้าสังคม
- การประเมินและติดตามพัฒนาการ
พัฒนาการของเด็กเล็กในแต่ละช่วงวัย
รู้และเข้าใจพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ และสติปัญญาในแต่ละช่วงวัย เพื่อช่วยเสริมสร้างทักษะที่เหมาะสม
พัฒนาการเด็กแรกเกิด – 3 เดือน
- เริ่มจ้องมองและตอบสนองต่อเสียง
- พยายามยกศีรษะเมื่ออยู่ในท่านอนคว่ำ
- จับนิ้วหรือของเล่นเล็ก ๆ ได้เบา ๆ
เด็ก 4 – 6 เดือน
- พลิกตัวจากท้องเป็นหลังและจากหลังเป็นท้อง
- หัวเราะและยิ้มตอบสนองต่อคนรอบข้าง
- เริ่มหยิบจับของเล่นและนำเข้าปาก
เด็ก 7 – 9 เดือน
- นั่งได้เองโดยไม่ต้องพยุง
- ใช้นิ้วหยิบของชิ้นเล็ก ๆ ได้
- เริ่มคลานหรือขยับตัวเพื่อเคลื่อนที่
เด็ก 10 – 12 เดือน
- ยืนจับขอบโต๊ะและเดินได้เมื่อมีคนช่วยจับ
- เรียกชื่อและรับรู้คำสั่งง่าย ๆ
- ใช้คำพูดง่าย ๆ เช่น “พ่อ” หรือ “แม่”
เด็ก 1 – 2 ปี
- เดินได้เองและเริ่มวิ่ง
- เริ่มพูดเป็นคำสั้น ๆ หลายคำ
- ทำตามคำสั่งง่าย ๆ และเริ่มเล่นของเล่นที่ต้องใช้มือ
เด็ก 2 – 3 ปี
- วิ่งและขึ้นลงบันไดได้เอง
- ใช้คำพูดเป็นประโยคสั้น ๆ ได้
- เริ่มรู้จักการแบ่งปันและเล่นร่วมกับเพื่อน
จิตวิทยาเด็กคืออะไร?
- การศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการทางด้านอารมณ์ สังคม และสติปัญญาของเด็กเล็ก
- เน้นทำความเข้าใจพฤติกรรม ความคิด และอารมณ์ของเด็กเล็กในแต่ละช่วงวัย
จิตวิทยาเด็กสำคัญต่อการเลี้ยงดูอย่างไร?
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ปกครองและเด็ก ส่งเสริมทักษะทางสังคมผ่านการเล่นและการพูดคุย
- ช่วยเข้าใจพฤติกรรม จิตวิทยาเด็กทำให้ผู้ปกครองเข้าใจว่าเหตุใดเด็กเล็กจึงแสดงพฤติกรรมบางอย่าง
- ส่งเสริมพัฒนาการ สามารถสนับสนุนและส่งเสริมพัฒนาการทางด้านอารมณ์และสังคมได้อย่างถูกวิธี
- ปรับตัวในการเลี้ยงดู ผู้ปกครองสามารถปรับวิธีการเลี้ยงดูให้เหมาะสมกับความต้องการและอารมณ์ของเด็กแต่ละคน
- เสริมสร้างความมั่นใจในตัวเอง ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตัวเอง รู้สึกเป็นที่รักและปลอดภัย
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดี จิตวิทยาเด็กช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างเด็กและผู้ปกครอง
หมั่นสังเกตพัฒนาการของเด็กว่ามีปัญหา การเดิน การพูด หรือไม่ เพื่อให้เด็กได้รับการดูแลที่เหมาะสมและทันท่วงที
กิจกรรมสำหรับเด็กเล็กช่วยอะไร?
ฝึกให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ผ่านการเล่นกับเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและทักษะสังคม
- พัฒนากล้ามเนื้อ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทั้งมัดเล็กและมัดใหญ่
- ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ผ่านการวาดรูปและเล่นบทบาทสมมติ
- เสริมทักษะการเข้าสังคม ช่วยฝึกการเล่นร่วมกับเพื่อน เรียนรู้การแบ่งปันและการสื่อสารเป็นกิจกรรมสำหรับเด็กที่สำคัญ
- พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา เด็กเรียนรู้การคิดแก้ไขปัญหาผ่านการเล่นเกมและทำจิ๊กซอว์
- เสริมสร้างสมาธิ กิจกรรมการวาดรูปและการอ่านช่วยให้เด็กมีสมาธิและความตั้งใจ
- เพิ่มทักษะการเรียนรู้ ช่วยเพิ่มคำศัพท์และฝึกทักษะพื้นฐาน การนับเลขและการจำแนกสี
- พัฒนาการควบคุมอารมณ์ ช่วยให้เด็กเรียนรู้การจัดการกับอารมณ์ผ่านการเล่นและการทำกิจกรรมสำหรับเด็กต่าง ๆ
กิจกรรมพัฒนาทักษะสำหรับเด็กเล็กมีอะไรบ้าง?
- ระบายสีและวาดภาพ พัฒนากล้ามเนื้อมือ กระตุ้นพัฒนาการเด็ก และความคิดสร้างสรรค์
- การเล่านิทาน เสริมทักษะการฟังและเพิ่มคลังคำศัพท์
- เล่นบล็อกหรือจิ๊กซอว์ ช่วยพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและความคิดเชิงตรรกะ
- ร้องเพลงและเต้นรำ เสริมพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวและจังหวะ
- เล่นของเล่นจับคู่สีและรูปทรง ช่วยพัฒนาทักษะการจำและการรับรู้
- การเล่นบทบาทสมมติ ส่งเสริมการแสดงออกและความคิดสร้างสรรค์
- เล่นทรายหรือน้ำ ช่วยพัฒนาประสาทสัมผัสและการควบคุมกล้ามเนื้อมัดเล็ก
- การนับเลขหรือเรียงลำดับ เสริมทักษะคณิตศาสตร์เบื้องต้น
- อ่านหนังสือภาพ พัฒนาทักษะการอ่านและส่งเสริมความสนใจในการเรียนรู้และกระตุ้นพัฒนาการเด็ก
- เล่นกับเพื่อน ฝึกทักษะการเข้าสังคมและการแบ่งปัน
ของเล่นที่เหมาะกับเด็กเล็กมีอะไรบ้าง?
- บล็อกตัวต่อ ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมือและการคิดเชิงตรรกะ
- จิ๊กซอว์ขนาดใหญ่ พัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและการสังเกต
- ลูกบอลนุ่ม เสริมสร้างการเคลื่อนไหวและการประสานงาน
- ของเล่นกด-หมุน-ดึง ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กและการใช้มือ
- หนังสือภาพ ช่วยเสริมคำศัพท์และกระตุ้นความสนใจในการอ่าน
- ตุ๊กตาและของเล่นบทบาทสมมติ ส่งเสริมจินตนาการและการแสดงออก
- ของเล่นดนตรี ของเล่นเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก กลองหรือเครื่องดนตรีเด็ก เสริมการฟังและความสนุก
- ของเล่นเรียงลำดับสีและรูปทรง ช่วยฝึกการจดจำและการจำแนกประเภท
- บล็อกไม้หรือพลาสติกสีสันสดใส ของเล่นเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก เสริมพัฒนาการด้านสีและรูปทรง
- ของเล่นน้ำและทราย กระตุ้นประสาทสัมผัสและความคิดสร้างสรรค์
วิธีสอนให้เด็กเล็กรู้จักระเบียบวินัย
เริ่มสอนให้เด็กเข้าใจเรื่องการแบ่งปัน การรอคอย และการเก็บของเล่นอย่างเป็นระเบียบ
- เป็นตัวอย่างที่ดี แสดงพฤติกรรมที่เป็นระเบียบให้เด็กเห็นและทำตาม
- ใช้คำชมเมื่อทำดี ให้คำชมเมื่อเด็กทำตามกฎหรือตามข้อตกลง
- ตั้งกฎที่เข้าใจง่าย กำหนดกฎระเบียบง่าย ๆ และอธิบายให้เด็กเข้าใจ
- สร้างตารางกิจวัตรประจำวัน จัดตารางเวลาสำหรับการกิน นอน และเล่น เพื่อสร้างความคุ้นเคย
- ใช้คำอธิบายที่อ่อนโยน พูดคุยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเข้าใจ เพื่อให้เด็กยอมรับ
- ให้ตัวเลือกเพื่อฝึกการตัดสินใจ ให้เด็กเลือกทำสิ่งที่เหมาะสมเพื่อฝึกการคิดเอง
- สอนการรับผิดชอบผลของการกระทำ ให้เด็กเข้าใจผลที่ตามมาของพฤติกรรมเด็กที่ไม่เป็นระเบียบ
- คงความสม่ำเสมอ ทำตามกฎและข้อตกลงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความเข้าใจที่แน่นอน
- ใช้เวลาอธิบายให้เข้าใจเมื่อทำผิด ชี้แนะด้วยเหตุผลเมื่อเด็กทำผิด เพื่อให้เข้าใจว่าควรทำอย่างไรแทน
- เสริมสร้างความมั่นใจ ให้เด็กมั่นใจว่าเขาทำได้และให้โอกาสพัฒนาพฤติกรรมเด็กอยู่เสมอ
วิธีจัดการเมื่อเด็กเล็กมีพฤติกรรมดื้อหรือก้าวร้าว
เด็กเล็กมีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงง่าย ควรเรียนรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของเด็ก การงอแง การร้องไห้ และการแสดงออกที่ไม่คาดคิด
- ใจเย็นและสงบสติอารมณ์ ควบคุมอารมณ์ของตัวเองเพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลง
- รับฟังและเข้าใจสาเหตุ พยายามเข้าใจว่าทำไมเด็กถึงดื้อหรือก้าวร้าว อาจเป็นเพราะต้องการความสนใจหรือไม่สบายใจ
- สอนวิธีแสดงอารมณ์ที่เหมาะสม ชี้แนะให้เด็กแสดงความรู้สึกด้วยคำพูดแทนการก้าวร้าว
- ตั้งขอบเขตที่ชัดเจน บอกเด็กว่าพฤติกรรมไหนที่ยอมรับได้ และอะไรที่ไม่ควรทำ
- ให้คำชมเมื่อทำดี ชมเชยและให้กำลังใจเมื่อเด็กทำพฤติกรรมที่ดี เพื่อลดการดื้อและเพิ่มการทำดี
- ใช้วิธีการเบี่ยงเบนความสนใจ พาเด็กไปทำกิจกรรมอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากสถานการณ์ที่ไม่ดี
- ไม่ให้รางวัลกับพฤติกรรมไม่ดี อย่ายอมให้เด็กได้สิ่งที่ต้องการจากพฤติกรรมดื้อหรือก้าวร้าว
- สร้างกิจวัตรประจำวันที่สม่ำเสมอ กิจวัตรที่แน่นอนช่วยให้เด็กปรับตัวและรู้ขอบเขตการทำพฤติกรรมที่เหมาะสม
- พูดคุยเมื่อเด็กสงบลง อธิบายว่าพฤติกรรมก้าวร้าวไม่ใช่ทางออก และบอกวิธีการแสดงอารมณ์ที่ถูกต้อง
- ขอความช่วยเหลือหากจำเป็น หากพฤติกรรมก้าวร้าวเกิดบ่อยและรุนแรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำแนะนำเพิ่มเติม
เด็กเล็กควรมีตารางการกิน การนอน และการเล่นอย่างไร?
วางแผนตารางการกิน นอน และกิจกรรม เพื่อให้เด็กเล็กมีสุขภาพดีและรู้สึกปลอดภัย
การกิน
- อาหารเช้า ควรทานหลังตื่นนอนประมาณ 30 นาที เพื่อเพิ่มพลังงานและโภชนาการเด็กที่ดีของเด็ก
- อาหารว่าง ให้ผลไม้หรือของว่างสุขภาพระหว่างมื้อเช้าและเที่ยง
- อาหารกลางวัน ควรทานในช่วงสาย ไม่เกิน 12.00 น. และรับประทานอาหารตามภชนาการเด็ก
- อาหารว่างบ่าย เลือกของว่างเบา ๆ นม โยเกิร์ต
- อาหารเย็น ควรทานไม่เกิน 18.00 น. เพื่อให้ย่อยง่ายก่อนนอน
การนอน
- นอนกลางวัน ควรนอนช่วงสายและบ่าย โดยรวมประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เด็กไม่เหนื่อยล้า
- นอนกลางคืน ควรนอนเวลาเดิมทุกคืน ประมาณ 19.00-20.00 น. หรือควรนอนอย่างน้อย 10-12 ชั่วโมงต่อวัน
การเล่น
- ช่วงเช้า เล่นกิจกรรมที่กระตุ้นสมอง อ่านนิทานหรือเล่นบล็อก
- หลังอาหารกลางวัน เล่นกิจกรรมที่ใช้พลังงาน วิ่งเล่นหรือเล่นกลางแจ้ง
- ช่วงเย็น เลือกกิจกรรมสงบ ๆ ระบายสีหรือฟังเพลง เพื่อช่วยให้ผ่อนคลายก่อนนอน
อาหารที่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก
เด็กเล็กต้องการอาหารที่ช่วยพัฒนาการทางร่างกายและสมอง จึงควรรู้วิธีเลือกอาหารที่มีประโยชน์และปลอดภัย
- ผักและผลไม้ มีวิตามินและไฟเบอร์ ช่วยเสริมพัฒนาการและระบบย่อยอาหารสำหรับเด็ก
- เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น ไก่ ปลา ให้โปรตีนสูงสำหรับการเจริญเติบโต
- ไข่ อุดมไปด้วยโปรตีนและโคลีน ช่วยพัฒนาสมอง
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม ให้แคลเซียมและวิตามินดี ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน เป็นอาหารสำหรับเด็กที่สำคัญ
- ธัญพืชเต็มเมล็ด เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง ให้พลังงานและไฟเบอร์
- ถั่วและธัญพืชต่างๆ ให้โปรตีน ไขมันดี และเสริมพัฒนาการสมอง
- น้ำเปล่า ดื่มน้ำเปล่าตลอดวันเพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นและระบบย่อยทำงานดี
วิธีจัดบ้านให้ปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก
จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย โดยการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ ที่กั้นบันได ปลั๊กไฟครอบ และตรวจสอบของเล่นให้ปลอดภัย
- ติดตั้งที่กั้นบันได ป้องกันเด็กพลัดตกจากบันไดเพื่อความปลอดภัยของเด็ก
- ครอบปลั๊กไฟ ใช้ที่ครอบปลั๊กเพื่อป้องกันการถูกไฟฟ้าดูด
- จัดเก็บของมีคมและของอันตรายให้พ้นมือเด็ก เก็บมีด กรรไกร และของมีคมอื่น ๆ ไว้ในที่ที่เด็กเอื้อมไม่ถึง
- ล็อกประตูตู้และลิ้นชัก ป้องกันไม่ให้เด็กเปิดเข้าไปหยิบสิ่งของที่อาจเป็นอันตราย
- ใช้ที่กั้นเตียง ป้องกันการพลัดตกจากเตียงขณะนอน
- ติดตั้งกันกระแทกมุมเฟอร์นิเจอร์ ป้องกันการกระแทกจากมุมโต๊ะหรือขอบเฟอร์นิเจอร์
- เก็บของเล่นและสิ่งของขนาดเล็กให้พ้นมือเด็กเล็ก ลดความเสี่ยงที่เด็กอาจกลืนหรือสำลัก
- วางของใช้ในครัวให้พ้นมือเด็ก จัดอุปกรณ์ทำอาหารร้อนๆเช่น หม้อ กระทะ ให้ห่างจากขอบโต๊ะ
- ตรวจสอบความมั่นคงของเฟอร์นิเจอร์ ยึดตู้และชั้นวางกับผนังให้แน่นเพื่อป้องกันการล้มทับ
- ใช้ประตูหรือหน้าต่างที่ล็อกได้ ป้องกันเด็กเปิดหน้าต่างหรือประตูออกไปข้างนอกเองเพื่อความปลอดภัยของเด็ก
วิธีป้องกันโรคในเด็กเล็ก
- ล้างมือบ่อย ๆ ฝึกให้เด็กและผู้ดูแลล้างมือเป็นประจำ เพื่อลดโรคติดต่อในเด็ก
- ฉีดวัคซีนตามกำหนด ตรวจสอบและพาเด็กไปฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่าง ๆ
- รักษาความสะอาดของของเล่นและสิ่งของในบ้าน ทำความสะอาดของเล่นและพื้นที่ที่เด็กใช้งานบ่อย ๆ
- ให้เด็กพักผ่อนเพียงพอ การนอนที่เหมาะสมช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- เสริมสร้างอาหารที่มีคุณค่า ให้เด็กได้รับอาหารที่มีประโยชน์เพื่อสร้างภูมิต้านทานที่ดี
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วย หากมีผู้ป่วยในบ้าน ควรแยกห่างจากเด็กเล็กเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและโรคติดต่อในเด็ก
- สอนเด็กไม่จับหน้า ตา จมูก ปาก เพื่อลดโอกาสเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
- ใช้ผ้าเช็ดปากส่วนตัว ป้องกันการแพร่เชื้อโรคผ่านสิ่งของใช้ส่วนตัว
- รักษาสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยและสะอาด จัดสภาพแวดล้อมให้ปราศจากสารเคมีหรือฝุ่นละอองที่เป็นอันตราย
- ออกกำลังกายและมีกิจกรรมกลางแจ้ง ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น
โรงพยาบาลเด็กแตกต่างจากโรงพยาบาลทั่วไปอย่างไร?
- ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โรงพยาบาลเด็กมีแพทย์และพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลรักษาเด็กโดยเฉพาะ เข้าใจพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจของเด็กในแต่ละวัย
- อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ โรงพยาบาลเด็กมีอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับเด็ก เครื่องช่วยหายใจขนาดเล็ก หรือเตียงที่เหมาะกับขนาดตัวของเด็ก
- การจัดสภาพแวดล้อม โรงพยาบาลเด็กมักออกแบบสภาพแวดล้อมให้เป็นมิตรกับเด็ก มีสีสันสดใส มีของเล่น และมุมกิจกรรม เพื่อให้เด็กผ่อนคลายและไม่กลัว
- การสื่อสารและการดูแลเฉพาะทาง บุคลากรในโรงพยาบาลเด็กมีความชำนาญในการสื่อสารกับเด็กและเข้าใจพฤติกรรมการตอบสนองของเด็ก ทำให้การดูแลเป็นไปอย่างละเอียดอ่อนและเหมาะสม
- การเน้นสุขภาพจิตและอารมณ์ของเด็ก โรงพยาบาลเด็กให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตและอารมณ์ของเด็ก มีกิจกรรมเพื่อบำบัดความกลัวหรือความเครียดจากการรักษา
- การให้คำปรึกษากับผู้ปกครอง โรงพยาบาลเด็กมักมีบริการให้คำปรึกษาและคำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง เพื่อช่วยให้สามารถดูแลเด็กได้อย่างถูกต้อง
เด็กเล็กควรฉีดวัคซีนช่วงอายุเท่าไหร่?
- แรกเกิด วัคซีนเด็กป้องกันวัณโรค (BCG) และตับอักเสบบี (HBV เข็มที่ 1)
- อายุ 2เดือน วัคซีนตับอักเสบบี (HBV เข็มที่ 2), วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP), โปลิโอ (OPV/IPV), และฮิบ (Hib)
- อายุ 4เดือน วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน, โปลิโอ, ฮิบ (เข็มที่ 2)
- อายุ 6เดือน วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน, โปลิโอ, และฮิบ (เข็มที่ 3)
- อายุ 9เดือน วัคซีนเด็กป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR เข็มที่ 1)
- อายุ 1ปี วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี (JE) และอีสุกอีใส
- อายุ 18เดือน วัคซีนป้องกันหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR เข็มที่ 2) และคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (DTP เข็มกระตุ้น)
- อายุ 4-6ปี วัคซีนเด็กป้องกันโปลิโอและคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน (เข็มกระตุ้น)
คำแนะนำในการเลือกพี่เลี้ยงเด็กเล็ก
ตรวจสอบประวัติและประสบการณ์ เลือกพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ในการดูแลเด็กเล็ก รับเลี้ยงเด็ก และมีประวัติการทำงานที่น่าเชื่อถือ
พิจารณาคุณสมบัติและการฝึกอบรม พี่เลี้ยงควรมีการฝึกอบรมด้านการดูแลเด็ก รับเลี้ยงเด็ก และมีความรู้เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
สัมภาษณ์และสังเกตพฤติกรรม พูดคุยกับพี่เลี้ยงเพื่อประเมินทัศนคติ ความอดทน และความรักต่อเด็ก
ตรวจสอบเอกสารและใบรับรอง ขอดูเอกสารประจำตัว ใบรับรองการฝึกอบรม หรือใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง
สอบถามความคิดเห็นจากผู้อ้างอิง ติดต่อผู้อ้างอิงหรือครอบครัวที่เคยใช้บริการรับเลี้ยงเด็ก เพื่อรับฟังความคิดเห็นและประสบการณ์
สังเกตการปฏิสัมพันธ์กับเด็ก ให้พี่เลี้ยงทดลองดูแลเด็กสักระยะ เพื่อสังเกตการปฏิสัมพันธ์และความเข้ากันได้กับเด็ก
พิจารณาความยืดหยุ่นและความพร้อม พี่เลี้ยงควรมีความยืดหยุ่นในเวลาทำงาน และพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
หรือปรึกษา Need Nurse Group โดยตรงเพื่อสอบถามข้อมูลของบริการรับเลี้ยงเด็ก ได้ที่ โทรศัพท์. 081-924-2635 หรือ 082-791-6559 และ LINE: @NEEDNURSE