ความสำคัญของ Caregiver และแนวทางการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่คุณควรรู้

    จากข้อมูลที่น่าสนใจ พบว่าในปี 2562 ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุคิดเป็น 18% ของประชากรทั้งหมด และมีการคาดการณ์ว่าในปี 2573 ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 40% หรือประมาณ 30 ล้านคนเลยทีเดียว ซึ่งจะส่งผลให้ไทยก้าวสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งหมายความว่าประชากรผู้สูงวัยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ความต้องการในการดูแลสุขภาพและการช่วยเหลือในชีวิตประจำวันสูงขึ้นตามไปด้วย หลายครอบครัวจึงเริ่มมองหาผู้ดูแลที่มีความเชี่ยวชาญ หรือที่เราคุ้นหูกันในชื่อ “Caregiver” (แคร์กิฟเวอร์) หรือ ผู้ดูแลผู้สูงอายุ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระและมอบการดูแลที่ดีที่สุดให้กับผู้สูงอายุในบ้าน

สารบัญเกี่ยวกับผู้ดูแลผู้สูงอายุ

Caregiver คืออะไร?

    “Caregiver” หรือ “ผู้ดูแลผู้สูงอายุ” คือบุคคลที่มีหน้าที่ดูแลผู้สูงวัย ตั้งแต่เรื่องสุขอนามัย การรับประทานยา การเคลื่อนไหว ไปจนถึงการพูดคุยให้กำลังใจ เพื่อให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากที่สุด นอกจากนี้ผู้ดูแลผู้สูงอายุยังต้องมีทักษะด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น การเช็ดตัวลดไข้และการดูแลกรณีฉุกเฉิน ตลอดจนสามารถประสานงานกับครอบครัวและทีมแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

สำหรับครอบครัวที่ต้องทำงานนอกบ้าน การมี Caregiver มืออาชีพเข้ามาช่วยดูแลผู้สูงอายุ จะช่วยให้สมาชิกในครอบครัวสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างไร้กังวล ในขณะเดียวกัน ผู้สูงอายุเองก็ได้รับการดูแลที่เหมาะสมและปลอดภัย

คำว่า “Caregiver” แปลว่า “ผู้ให้การดูแลหรือผู้ให้ความช่วยเหลือ” โดยคำนี้มักใช้เรียกผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วย หรือบุคคลที่ต้องการการพยาบาลในชีวิตประจำวัน บางครั้งเราจะเห็นตัวย่อ “CG” ซึ่ง CG ย่อมาจากCaregiver” นั่นเอง

ในประเทศไทย บทบาทของ Caregiver มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนอกจากการดูแลผู้สูงอายุที่มีสุขภาพอ่อนแอแล้ว ยังรวมถึงการช่วยฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาล และช่วยเหลือในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการการดูแลระยะยาวอีกด้วย

ประเภทของ Caregiver

การดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยนั้นมีหลายรูปแบบ โดยสามารถแบ่งประเภทของ Caregiver ออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ

1. Caregiver ส่วนบุคคล (Personal Caregiver)

Caregiver ประเภทนี้มักดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่บ้าน (Home Health Care) โดยหน้าที่หลักของพวกเขาคือการช่วยเหลือในชีวิตประจำวัน เช่น

  • ช่วยอาบน้ำ ป้อนข้าว
  • เช็ดตัวลดไข้ ดูแลความสะอาด
  • ดูแลความปลอดภัย และช่วยทำกิจกรรมพื้นฐานต่าง ๆ

Caregiver ส่วนบุคคลไม่ได้มีหน้าที่ทางการแพทย์โดยตรง แต่จะเป็นเหมือน “ผู้ช่วยประจำบ้าน” ที่ช่วยให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

2. ผู้ดูแลทางการแพทย์ (Medical Caregiver)

Caregiver ประเภทนี้มีความเชี่ยวชาญในด้านสุขภาพและมักผ่านการฝึกอบรมพิเศษจากหลักสูตรด้านการดูแลผู้ป่วยหรือพยาบาลวิชาชีพ หน้าที่หลักของผู้ดูแลประเภทนี้ ได้แก่

  • ให้ยาตามคำสั่งแพทย์
  • ดูแลผู้ป่วยติดเตียง และการป้องกันแผลกดทับ
  • สังเกตสัญญาณชีพ เช่น วัดความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด
  • ประเมินสภาพผู้ป่วยเบื้องต้น และประสานงานกับทีมแพทย์ในกรณีฉุกเฉิน

ผู้ดูแลทางการแพทย์เหมาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีภาวะเรื้อรัง เช่น ผู้ป่วยหลังการผ่าตัด หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องการการติดตามอย่างใกล้ชิด

คุณสมบัติและทักษะที่จำเป็นของ Caregiver

ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำหน้าที่ Caregiver ได้ เพราะนอกจากความรู้ทางการดูแลแล้ว ยังต้องมีคุณสมบัติพิเศษบางประการ เพื่อให้การดูแลมีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด

  1. ความเมตตาและความอดทน
    การดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยต้องอาศัยความใจเย็นและการเข้าใจความรู้สึกของผู้ที่อยู่ในช่วงเวลายากลำบาก
  2. ความรู้พื้นฐานทางการพยาบาล
    แม้จะเป็น Caregiver ส่วนบุคคล แต่ก็ควรรู้ทักษะเบื้องต้น เช่น การเช็ดตัวลดไข้ การทำแผลเล็กน้อย หรือการจัดท่าผู้ป่วยเพื่อลดความเสี่ยงจากแผลกดทับ
  3. ความสามารถในการสื่อสาร
    Caregiver ต้องมีทักษะในการพูดคุยและสร้างความมั่นใจให้ผู้สูงอายุ รวมถึงประสานงานกับครอบครัวและทีมแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. ความพร้อมทางร่างกาย
    การดูแลผู้ป่วยต้องใช้แรงกายและความพร้อม เช่น การพยุงผู้สูงอายุ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากเตียงไปยังรถเข็น หากไม่มีความแข็งแรงเพียงพอ อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของทั้งผู้ดูแลและผู้สูงอายุ
  5. การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
    ในบางสถานการณ์ เช่น ผู้ป่วยเกิดอาการฉุกเฉินหรือหกล้ม Caregiver ต้องมีสติและสามารถให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นได้

หน้าที่และบทบาทของ Caregiver

เมื่อพูดถึง Caregiver หลายคนอาจนึกถึงคนที่คอยช่วยเหลือผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยในชีวิตประจำวัน แต่บทบาทของผู้ดูแลไม่ได้หยุดแค่การอยู่เคียงข้างเท่านั้น เพราะหน้าที่ของ Caregiver ครอบคลุมถึงการดูแลสุขภาพกายและใจของผู้สูงอายุอย่างรอบด้าน ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้ต้องอาศัยทั้งความรู้ ความใส่ใจ และความอดทน

1. การดูแลสุขภาพเบื้องต้น

หนึ่งในหน้าที่สำคัญของ Caregiver คือการช่วยดูแลสุขภาพร่างกายของผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว หรือเป็นผู้ป่วยติดเตียง (bedridden patient) ซึ่งต้องการความช่วยเหลือในหลาย ๆ ด้าน เช่น

  • การวัดความดันโลหิต เป็นประจำเพื่อติดตามสุขภาพ
  • การตรวจดูสัญญาณชีพ เช่น อุณหภูมิร่างกาย ชีพจร และการหายใจ
  • การดูแลอาหารการกิน โดยเตรียมอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมกับสภาวะร่างกายของผู้สูงอายุ เช่น อาหารที่ช่วยควบคุมความดันโลหิตหรือลดไขมัน

การดูแลผู้สูงอายุในส่วนนี้ ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคแทรกซ้อนและป้องกันการเจ็บป่วยซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

2. หน้าที่พิเศษ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกวิธี

สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เอง หรือผู้ป่วยติดเตียง Caregiver จำเป็นต้องมีความรู้ใน หลักการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและลดโอกาสเกิดแผลกดทับ

หลักการสำคัญในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย

  • จัดท่าให้เหมาะสม หากต้องยกตัวผู้ป่วยจากเตียงไปยังรถเข็น ควรจัดท่าให้อยู่ในท่าที่ปลอดภัยต่อกระดูกสันหลังของทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล
  • ใช้แรงจากขาแทนหลัง หลีกเลี่ยงการก้มตัวในลักษณะโค้งหลัง เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังหรือบาดเจ็บได้
  • การจับพยุงด้วยความนุ่มนวล ควรจับในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น ใต้แขนหรือรอบลำตัว เพื่อให้เกิดการพยุงตัวที่มั่นคง

การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างถูกต้อง ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ยังทำให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและมั่นใจมากขึ้น

3. การช่วยเหลือในชีวิตประจำวัน

Caregiver ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในทุก ๆ กิจกรรมที่ผู้สูงอายุทำในแต่ละวัน เช่น การอาบน้ำ การเปลี่ยนเสื้อผ้า การทานยา และกิจกรรมอื่น ๆ ที่ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกและสบายใจ

หนึ่งในหน้าที่สำคัญ คือการ เช็ดตัวลดไข้ (sponging to reduce fever) ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดอุณหภูมิร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพในกรณีที่ผู้ป่วยมีไข้สูง
ขั้นตอนการเช็ดตัวลดไข้ ภาษาอังกฤษ ที่มักใช้กัน เช่น

  1. Prepare a bowl of lukewarm water. (เตรียมน้ำอุ่น)
  2. Dip a soft cloth in the water and wring it out. (นำผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วบิดหมาด)
  3. Gently wipe the body, especially under the armpits, neck, and groin. (เช็ดบริเวณข้อพับ ใต้รักแร้ คอ และขาหนีบ)
  4. Avoid using cold water as it may cause shivering. (หลีกเลี่ยงการใช้น้ำเย็นจัด เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยหนาวสั่น)

การช่วยเหลือในชีวิตประจำวันเหล่านี้อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มีผลอย่างมากต่อสุขภาพกายและใจของผู้สูงอายุ เพราะทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองยังได้รับการดูแลและเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด

ทำไมผู้สูงอายุจึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษ

ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น ร่างกายของผู้สูงอายุมักเผชิญกับปัญหาสุขภาพ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคข้อเสื่อม หรือแม้แต่ภาวะสมองเสื่อมที่ส่งผลต่อความสามารถในการดูแลตัวเอง บางคนอาจมีอาการป่วยเรื้อรังจนต้องการการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง หรือในกรณีที่ผู้สูงอายุ “ติดเตียง” ผู้ดูแลจึงต้องคอยช่วยเหลือในกิจกรรมพื้นฐาน เช่น การเช็ดตัวลดไข้ การย้ายตัวผู้ป่วยจากเตียงไปยังรถเข็น และการป้องกันแผลกดทับ

ไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่สุขภาพจิตใจก็สำคัญไม่แพ้กัน ผู้สูงอายุที่ต้องอยู่คนเดียวหรือขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง อาจรู้สึกเหงาหรือซึมเศร้า การมีผู้ดูแลผู้สูงอายุหรือ Caregiver อยู่เคียงข้าง ไม่เพียงช่วยเรื่องการดูแลสุขภาพ แต่ยังช่วยสร้างความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอีกด้วย

ทำไมการเลือก Caregiver จึงมีความสำคัญ

การเลือกผู้ดูแลที่มีทักษะและประสบการณ์ สามารถลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุในบ้านและเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูสุขภาพได้ การบริการแบบ “Home Health Care” จึงได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมในบ้าน และยังส่งเสริมสุขภาพจิตไปในตัว ผู้ดูแลผู้สูงอายุมีความสำคัญอย่างมากในยุคที่ “ครอบครัวขยาย” กลายเป็น “ครอบครัวเดี่ยว” มากขึ้น หากเรามอบความรักและการดูแลเอาใจใส่ให้คนที่เรารักผ่านการเลือกผู้ดูแลที่เหมาะสม Need Nurse Group จะช่วยให้ผู้สูงอายุได้ใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างมีคุณค่าและมีความสุขในทุกวัน

แนวทางการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่บ้าน

การดูแลผู้สูงอายุที่บ้านไม่ใช่แค่การช่วยเหลือในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังต้องใส่ใจในเรื่องของสุขภาพร่างกาย จิตใจ และการใช้ชีวิตโดยรวม เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

1. ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่บ้าน

   1.1 โภชนาการที่เหมาะสม

โภชนาการถือเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ เพราะเมื่อร่างกายอายุมากขึ้น ระบบย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารจะทำงานได้ช้าลง ดังนั้นอาหารที่ผู้สูงอายุควรทาน ควรมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและย่อยง่าย เช่น

  • อาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ช่วยเรื่องการขับถ่าย
  • โปรตีนย่อยง่าย เช่น เนื้อปลา ไข่ เต้าหู้ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป เพื่อลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง

   1.2 การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

แม้ผู้สูงอายุจะไม่สามารถออกกำลังกายหนัก ๆ ได้เหมือนวัยหนุ่มสาว แต่การเคลื่อนไหวร่างกายเบา ๆ เป็นประจำช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและลดโอกาสเกิดภาวะข้อเสื่อมได้

  • การออกกำลังกายที่แนะนำ เช่น เดินเบา ๆ วันละ 20-30 นาที หรือ ฝึกโยคะท่าง่าย ๆ เพื่อความยืดหยุ่นของข้อต่อ
  • การออกกำลังกายด้วยเก้าอี้ สำหรับผู้ที่เคลื่อนไหวลำบาก เช่น ยืดแขน ยกขาในท่านั่ง

   1.3 การพักผ่อนที่เพียงพอ

การนอนหลับเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเอง แต่ผู้สูงอายุหลายคนมักมีปัญหานอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท ควรจัดสภาพแวดล้อมห้องนอนให้เงียบสงบและเหมาะกับการพักผ่อน เช่น

  • ปรับอุณหภูมิห้องให้อบอุ่นกำลังดี
  • ปิดไฟหรือใช้แสงสลัวเพื่อช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน
  • หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนช่วงเย็น

การดูแลเรื่อง สุขภาพผู้สูงอายุ ในด้านโภชนาการ การออกกำลังกาย และการพักผ่อนอย่างเหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูงได้

2. กิจกรรมเพื่อส่งเสริมสมองและความจำ

เมื่ออายุมากขึ้น สมองอาจเสื่อมประสิทธิภาพลง กิจกรรมที่ช่วยฝึกสมองสามารถช่วยกระตุ้นความจำและลดความเสี่ยงของภาวะสมองเสื่อมได้ กิจกรรมฝึกสมองผู้สูงอายุที่ทำได้ง่าย ๆ เช่น

  • การเล่นเกมฝึกสมอง เช่น เกมต่อคำศัพท์ เกมจับคู่ภาพ เกมตัวเลข
  • การอ่านหนังสือหรือเล่าเรื่องในอดีต เพื่อฝึกการเชื่อมโยงและการนึกถึงเหตุการณ์สำคัญ
  • การฝึกทำงานฝีมือ เช่น การถักโครเชต์ การประดิษฐ์ของตกแต่งบ้าน ช่วยฝึกสมาธิและความคิดสร้างสรรค์

การทำกิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกสนุกและไม่เบื่อ อีกทั้งยังช่วยเสริมสุขภาพจิตใจให้แจ่มใสและลดความรู้สึกโดดเดี่ยวได้อีกด้วย

3. การป้องกันอาการเจ็บป่วยและโรคความดันโลหิตสูง

โรคความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ การดูแลอย่างเหมาะสมจะช่วยป้องกันและควบคุมความดันโลหิตได้ เช่น

  • ควบคุมอาหารที่มีไขมันและเกลือสูง ลดการทานอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือด
  • วัดความดันโลหิตเป็นประจำ เพื่อเฝ้าระวังและปรับพฤติกรรมหากพบค่าความดันผิดปกติ

ควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เวียนศีรษะ หน้ามืด เหนื่อยง่าย เพราะอาจเป็นสัญญาณของความดันโลหิตที่สูง

การเลือกบริการผู้ดูแลผู้สูงอายุ

เมื่อสมาชิกในครอบครัวเข้าสู่วัยสูงอายุและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การตัดสินใจเลือกบริการผู้ดูแลผู้สูงอายุจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะการเลือกผู้ดูแลที่เหมาะสม ไม่เพียงช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและปลอดภัย แต่ยังช่วยลดความกังวลของคนในครอบครัวได้อย่างมาก

1. วิธีเลือกผู้ดูแลที่มีประสบการณ์

การเลือกผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีประสบการณ์จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้ดูแลมีความสามารถในการจัดการสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งควรพิจารณาจากปัจจัยดังนี้

  • ประสบการณ์การทำงาน เลือกผู้ที่มีประวัติการทำงานในสายงานดูแลผู้สูงอายุมาอย่างน้อย 1-2 ปี โดยเฉพาะหากต้องดูแลผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว
  • ผ่านการอบรมหลักสูตร Caregiver ผู้ดูแลควรมีความรู้ในด้านการดูแลสุขภาพ เช่น การเช็ดตัวลดไข้ การปฐมพยาบาล และการดูแลแผลกดทับ
  • ความสามารถในการสื่อสาร ผู้ดูแลควรสามารถพูดคุยและสร้างความไว้ใจให้กับผู้สูงอายุ รวมถึงประสานงานกับครอบครัวและทีมแพทย์ได้ดี
  • บุคลิกภาพและความอดทน ควรเลือกผู้ที่มีบุคลิกภาพใจเย็น สุภาพ และมีความอดทนสูง เพราะการดูแลผู้สูงอายุอาจต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น ความดื้อรั้นของผู้สูงอายุ หรือสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด

2. เปรียบเทียบบริการผู้ดูแลตามบ้าน vs สถานพยาบาล

การเลือกบริการดูแลผู้สูงอายุมี 2 รูปแบบหลัก คือ Home Health Care (การดูแลที่บ้าน) และ Nursing Home (สถานพยาบาล) ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน ดังนี้

Home Health Care คืออะไร?

Home Health Care คือบริการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่บ้าน โดยผู้ดูแลจะเข้ามาดูแลถึงที่บ้าน ทำให้ผู้สูงอายุได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย

ข้อดี

  • ผู้สูงอายุรู้สึกอบอุ่นใจ เพราะได้อยู่บ้านของตัวเอง
  • ครอบครัวสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลได้อย่างใกล้ชิด
  • ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อจากผู้ป่วยรายอื่น เช่น ในช่วงที่มีการระบาดของโรค

ข้อจำกัด

  • ต้องปรับสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้เหมาะสม เช่น การติดตั้งราวจับ หรือปรับห้องน้ำให้ปลอดภัย
  • ค่าใช้จ่ายอาจสูง หากต้องการผู้ดูแลประจำแบบ 24 ชั่วโมง

Nursing Home คืออะไร?

Nursing Home คือสถานพยาบาลหรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีทีมแพทย์และพยาบาลประจำ เพื่อให้การดูแลและรักษาอย่างมืออาชีพ

ข้อดี

  • มีบุคลากรทางการแพทย์พร้อมดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
  • มีอุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
  • เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลใกล้ชิด เช่น ผู้ป่วยหลังผ่าตัด หรือผู้ป่วยติดเตียง

ข้อจำกัด

  • ผู้สูงอายุอาจรู้สึกเหงาหรือเครียด เพราะต้องย้ายออกจากบ้านมาอยู่ในสถานพยาบาล
  • ค่าใช้จ่ายรายเดือนอาจสูงกว่าการดูแลที่บ้าน ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจการบริการ

3. การตรวจสอบคุณภาพและใบรับรองของผู้ดูแล

เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ดูแลมีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือ ควรตรวจสอบเอกสารและใบรับรองต่าง ๆ

  • ใบรับรองการผ่านหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ ควรเป็นใบรับรองจากสถาบันหรือหน่วยงานที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
  • ใบตรวจสุขภาพของผู้ดูแล เพื่อยืนยันว่าผู้ดูแลมีสุขภาพแข็งแรงและไม่มีโรคติดต่อ
  • ประวัติการทำงาน ควรตรวจสอบว่าเคยดูแลผู้สูงอายุในลักษณะใดบ้าง รวมถึงสอบถามความพึงพอใจจากลูกค้าเดิม (หากเป็นไปได้)
  • บริษัทหรือหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ หากเลือกใช้บริการจากบริษัทจัดหาผู้ดูแล ควรตรวจสอบชื่อเสียงและความโปร่งใสของบริษัทนั้น ๆ เช่น มีใบอนุญาตจัดตั้งหรือไม่

บริการดูแลผู้สูงอายุของเราสามารถช่วยคุณได้อย่างไร?

บริการของเราช่วยให้คุณสามารถทำงานและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างไร้กังวล ในขณะที่ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ปลอดภัย และอบอุ่นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนที่คุณรัก

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแพ็กเกจบริการหรือคำแนะนำในการเลือกผู้ดูแลที่เหมาะสม สามารถติดต่อทีมงานของเราได้ที่ บริษัท นีด เนิร์ส กรุ๊ป จำกัด Tel. 081-924-2635 / 082-791-6559 หรือ LINE. @NEEDNURSE เรายินดีให้คำปรึกษาและพร้อมดูแลคนสำคัญของคุณในทุกช่วงเวลา

Nicha
เมื่อคนที่คุณรักต้องการการดูแลที่ดีที่สุด แต่คุณเองก็ต้องการความสบายใจ Need ผู้ดูแล ... นึกถึง Need Nurse เพราะเราคือคำตอบของความอุ่นใจและการดูแลที่คุณวางใจได้

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า